วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ตัน โออิชิ ชื่อนี้ ไม่มีตัน












  • จากคนแบกของ ผงาดขึ้นเป็นเศรษฐีพันล้าน สูตรลับของโออิชิ










คุณรู้จักคนที่ไม่เคยตัน อย่าง ตัน ภาสกรนทีไหมคนส่วนใหญ่รู้จักเขาในนามของตัน โออิชิ ใครจะไปคิดละครับว่าจากคนแบกของ ได้เงินเดือนแค่เดือนละ 700บาท เรียนจบแค่ม.ศ.3จะผันตัวเองกลายเป็นนักธุรกิจในระดับแนวหน้าของเมืองไทยถ้าเทียบกับนักธุรกิจที่เรียนสูงๆจบจากเมืองนอกเมืองนายังเป็นได้แค่ลูกจ้างในบริษัทใหญ่ๆในเมืองไทยแต่ชายที่รูปร่างเตี้ย อ้วน ไม่หล่อชาติตระกูลไม่สูงส่งเหมือนใครแต่สิ่งที่เค้าสร้างได้แสดงถึงความเป็นนักธุรกิจโดยสัญชาติญาณไม่ต้องไปร่ำเรียนที่ใหนก็ประสบความสำเร็จได้เค้าได้สร้างแบร์นของตัวเองสร้างสินค้าให้เข้าไปอยู่ในใจของคนไทยทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักชาเขียวโออิชิที่สร้างปรากฏกาณ์ใหม่ในวงการธุรกิจเครืองดื่ม สร้างชื่อขึ้นไปเทียบกับเป๊ปซี่ของบริษัท เสริมสุข คนไทยส่วนใหญ่รู้จักเครืองดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์นั้นคงต้องยกให้เป๊ปซี่ โค้กแต่ตอนนี้ต้องบวก สินค้าสัญชาติไทยแต่ใช่ชื่อญี่ปุ่นว่า "โออิชิ" ต้องบอกว่าชื่อนี้มีแต่ของอร่อยจริงๆ เพราะถ้าแปลตรงตัวโออิชิก็แปลว่าอร่อยอยู่แล้ว สิ่งที่เค้าได้ทำนั้นเขย่าวงการของธุรกิจ อย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง เค้าได้เริ่มจากการเป็นลูกจ้างธรรมดา บางคนอาจจะคิดว่าเค้าคงมีโชคถึงได้ฟลุคทำชาเขียวออกมาแล้วดังระเบิดเลย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ก่อนที่ตัน จะมาเป็นตันโออิชิได้เหมือนทุกวันนี้เค้าผ่านมาหลายอย่าง แล้วแต่ที่ดังคือการทำชาเขียวก็เท่านั้นเองครับที่สำคัญเค้าไม่ได้มีโชค อย่างที่ทุกคนคิด ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย ชาติตระกูลก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร















  • จากคำพูดของ ตันภาสกรนที ที่ลงในหนังสือ คัมภีร์เจ้าสั่วของค่าย Animate Group โดยอาจารย์ถนอมศักดิ์ จิรายุสวัสดิ์ ทีเขียนไว้ว่า "ผมเกิดมาโชคร้าย หล่อก็ไม่หล่อแถมจนสักวันผมต้องเป็นเจ้าของกิจการให้ได้ และจากคำพูดนี้เองนำไปสู่ภาคปฐมบทของความสำเร็จของชายนามว่า ตัน ภาสกรนที หรือ ตันโออิชิ แต่กว่าจะเป็นตันโออิชิเค้าได้ผ่านอะไรบ้าง?







ชายชื่อตันหลังจากที่ทำงานเป็นคนแบกของ ของบริษัทแห่งหนึ่งก็เห็นว่าตัวเองหน้าจะมีทางขยับขยายบ้าง โดยหลังจากเค้าลาออกและได้ขอยืมเงินจากผู้เป็นพ่อมาห้าหมื่น ก็ตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นเจ้าของร้านแผงหนังสือโดยการลงทุนเปิดแผงหนังสือนั้น คุณตันได้ให้เหตุผลว่าที่ตัวเขาเริ่มจากจุดนี้เพราะใช้เงินลงทุนที่น้อยที่สุดหลังจากนั้นเขาก็เริ่มเก็บหอมรอมริบ โดยใช้คติแบบดั้งเดิมไม่ได้มีกลยุทธ์อะไรเลย นั้นก็คือขยัน ประหยัดซื่อสัตว์และอดทน บวกกับความคิดที่ไม่เหมือนใคร ก้าวสู่การเป็นนักธุรกิจหัว "เซ้งลี้"หลังจากเก็บเงินได้สักพักเขาก็ได้ตัดสินใจซื้อตึกแถวเป็นของตัวเองเปิดร้านหนังสือขึ้น ก่อนจะเริ่มขยับขยายมาทำร้านขายกาแฟและร้านเบอร์การี่โดยใช้หลักความคิดแบบใหม่ๆด้วยการใช้เครืองคิดเงินมาใช้ บวก กับยังนำเอาสินค้ามาติดป้ายราคา ติดแอร์ในร้านของตัวเองเป็นกลุ่มแรกๆในเมืองชล นี้คือการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าแบบง่ายๆแต่จะมีสักกี่คนที่คิด เหมือนกับ ชายคนนี้ มีใครบ้างละที่จะกล้าขายกาแฟแก้วละ 15บาท ในขณะที่ตอนนั้นโอเลี้ยงแก้วหนึ่งแค่3บาทเองด้วยรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ได้สร้างจุดขายในแบบ ตัน ขึ้น โดยที่ลูกค้าสามารถเดินเลือกเบเกอรี่ได้แบบสบายๆในร้านที่ติดแอร์เย็นๆ แถมยังมีป้ายราคาที่ติดไว้กันต่อรองราคา ใครที่อยากจะเดินหรือยืนชมหนังสือในแบบที่เย็นๆสบายๆไม่ต้องไปยืนร้อนนี้คือกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใครในยุคนั้นแบบสุดยอดของชายที่ชื่อตันคนนี้ และได้ปูทางสู่ธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่นำเขาไปสู่ความสำเร็จแต่กว่าจะสำเร็จได้นั้นเขาได้ผ่านได้เจอ อะไรมาบ้างใครละที่จะรู้ คุณอาจจะคิดว่ามันดูง่ายๆเรียบๆแต่ก็เพราะความเรียบๆนั้นเองที่เขาต้องใช้ความอดทน สู้กับกาลเวลาที่จะเก็บหอมรอมริบกว่าจะได้แต่ละบาท เขาต้องใช้ความอดทนขนาดใหนมันไม่ได้ง่าย เหมือนกับการเขียนเรืองราวของเขา กว่าจะสำเร็จได้ เขาต้องบริหารจัดการเงินอย่างไรจนมีทุกวันนี้ได้ ก็คำง่ายๆขยัน อดทนและประหยัด คำง่ายๆแต่ทำยากนี้แหละได้นำเขาสู่ความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้















  • นี้คือภาคปฐมบทก่อนจะมีวันนี้ของเขาอาจจะดูเรียบง่ายไร้อุปสรรคแต่ชายคนนี้ก็เคยล้มมาแล้วเคยเป็นหนี้มาแล้วนับ100ล้านแล้วเขายังหวนกลับมาได้อย่างไร ทุกคนจะได้ติดตามในบทความต่อไปของพ่อค้าหัว "เซ้งลี้"นามว่า ตัน ภาสกรนที







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น